การลอยกระทง มีมาตั้งแต่ครั้งกรุงสุโขทัย เรียกว่า การลอยพระประทีป หรือลอยโคม เป็นงานนักขัตฤกษ์รื่นเริงของประชาชนทั่วไป ต่อมานางนพมาศ หรือท้าวศรีจุฬาลักษณ์สนมเอกของพระร่วง ได้คิดประดิษฐ์ดัดแปลงเป็นรูปกระทงดอกบัวแทนการลอยโคม การลอยกระทง หรือ ลอยโคมในสมัยนางนพมาศ กระทำเพื่อเป็นการสักการะรอยพระพุทธบาทที่แม่น้ำนัมมทานที ซึ่งเป็นแม่น้ำสายหนึ่ง อยู่ในแคว้นทักขิณาบถ ของประเทศอินเดีย ปัจจุบันเรียกว่าแม่น้ำเนรพุทท อันที่จริงลอยกระทงเป็นประเพณีขอขมาธรรมชาติมาแต่ดึกดำบรรพ์ เพราะชาวบ้านทั่วไป รู้จากประสบการณ์ว่า ถึงเดือนสิบเอ็ด (หรือราวเดือนตุลาคม) น้ำจะขึ้นนองหลาก,พอถึงเดือนสิบสอง(หรือ ราวเดือนพฤศจิกายน น้ำจะทรงตัว คือไม่ขึ้นไม่ลง,ครั้นเดือนอ้าย หรือราวเดือนธันวาคม ต่อเดือนยี่ หรือราวเดือนมกราคม น้ำจะลดลง
1. นำกระทงไปลอยตามแม่น้ำลำคลอง หรือตามแหล่งน้ำ เพื่อขอขมาแก่พระแม่คงคา เพื่อบูชารอยพระพุทธบาทและบูชาเทพเจ้า ตาม คติความเชื่อ
2. ให้การสนับสนุนกิจกรรมต่าง ๆ ในวันลอยกระทง เช่น การประกวดกระทง ประกวดนางนพมาศ การละเล่นพื้นเมือง เช่น รำวงเพลงเรือ เพื่อสืบสานวัฒนธรรมไทย เพื่อรักษาขนบธรรมเนียมของไทยไว้ มิให้สูญหายไปตามกาลเวลา
3. จัดนิทรรศการ หรือพิธีลอยกระทง เพื่อเผยแพร่และอนุรักษ์ประเพณีไทย
4. จัดรณรงค์ให้มีการใช้วัสดุจากธรรมชาติมาทำกระทง เพื่อไม่ให้เกิดมลภาวะแก่แม่น้ำลำคลอง เพื่อรู้ถึงคุณค่าของน้ำหรือแม่น้ำลำคลอง อันเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการดำรงชีวิต
การลอยกระทงของชาวเหนือ (ยี่เป็ง) นิยมทำกันในเดือนยี่เป็ง คือ เดือนยี่หรือเดือนสอง เพราะนับวัน เร็วกว่าของเรา 2 เดือน เพื่อบูชา พระอุปคุตต์ ซึ่งเชื่อกันว่า ท่านบำเพ็ญ บริกรรมคาถาอยู่ในท้องทะเลลึก หรือสะดือทะเล ตรงกับคติ ของชาวพม่า
การลอยกระทงในภาคอีสาน เรียกว่าเทศกาลไหลเรือไฟ จัดเป็นประเพณียิ่งใหญ่ในจังหวัดนครพนม โดยการนำหยวกกล้วยหรือวัสดุต่าง ๆ มาตกแต่งเป็น รูปพญานาค และรูปอื่น ๆ ตอนกลางคืน จุดไฟปล่อยให้ไหลไป ตามลำน้ำโขงดูสวยงามตระการตา |
 |
|
|