ต้นพุดซ้อน มีถิ่นกำเนิดในประเทศจีน บ้างก็ว่าจัดเป็นพรรณไม้ดั้งเดิมของบ้านเรานี่เอง โดยจัดเป็นไม้พุ่มเตี้ยหรือไม้ยืนต้นขนาดเล็ก มีความสูงได้ประมาณ 1-2 เมตร มีลักษณะทั่วไปคล้ายต้นพุดจีบ แต่จะแตกต่างกันที่ว่าพุดซ้อนจะไม่มีสีขาวอยู่ในต้นและใบเหมือนพุดจีบ ลำต้นแตกกิ่งก้านมาก ลำต้นและกิ่งก้านเป็นสีเขียว ใบขึ้นดกหนาทึบ ส่วนรากใต้ดินเป็นสีเหลืองอ่อน โดยมักพบขึ้นในป่าดงดิบทางภาคเหนือ ดอกพุดซ้อน โดยมากแล้วจะออกดอกเป็นดอกเดี่ยว โดยจะออกตามง่ามใบและปลายกิ่ง ดอกมีขนาดใหญ่ ดอกของพุดซ้อนจะเป็นสีขาวและมีกลีบดอกซ้อนกันหลายชั้น โคนกลีบแหลม ปลายกลีบมนรี มีกลีบดอกประมาณ 5-7 กลีบ มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 7 เซนติเมตร เนื้อนุ่มและมีกลิ่นหอมแบบอ่อนๆ |
ความเป็นมงคล |
เชื่อกันว่าไม่ว่าจะเป็นต้นพุดชนิดใดจะส่งผลให้มีความเจริญ มั่นคง
แข็งแรงสมบูรณ์ ทั้งสิ้น แต่ก็ควรให้เป็นพุดชนิดที่ดอกสีขาว |
ดอกพุดซ้อน |
 |
|
|
|
|
การปลูก |
พุดซ้อน เป็นไม้กลางแจ้ง ต้องการแสงแดดจัด ชอบดินร่วนที่มีความอุดมสมบูรณ์เพียงพอ ขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ดและตอนกิ่ง นิยมปลูกในแปลงปลูก เพื่อประดับบริเวณบ้านและสวน ชนาดหลุมปลูก 50 x 50 x 50 เซนติเมตร ใช้ปุ๋ยคอกหรือ ปุ๋ยหมัก: ดินร่วน อัตรา 1 : 2 ผสมดินปลูก ถ้าปลูกเพื่อประดับบริเวณบ้านหรืออาคาร ควรปลูกให้มีระยะหย่างที่เหมาะสม เพราะ พุดเป็นไม้ที่มีทรงพุ่มใหญ่ แสง ต้องการแสงแดดจัด หรือกลางแจ้ง ต้องการปริมาณน้ำปานกลาง ควรให้น้ำ 5-7 วัน/ครั้ง ชอบดินร่วนซุย ใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก อัตรา 2 -.3 กิโลกรัม / ต้น ควรใส่อย่างน้อยปีละ 2 - 3 ครั้ง หรือใช้ปุ๋ยเคมีสูตร
15-15-15 อัตรา 200-300 กรัม/ต้น ควรใส่ปีละ 3-4 ครั้ง |
|
การขยายพันธุ์ |
การขยายพันธ์ การเพาะเมล็ด |
โรคและแมลง |
เพลี้ยอ่อน เพลี้ยหอยและเพลี้ยแป้ง ซึ่งพวกเพลี้ยก็จะดูดน้ำเลี้ยงพืชเป็นอาหาร อันส่งผลให้ต้นไม้ไม่สวยและบางกิ่งดำและแห้งไป วิธีไล่นั้น อันดับแรกคือ ใช้สารเคมีทีค่อนข้างมีความปลอดภัยต่อผู้ใช้สูง มีชื่อทางการค้าว่า sedvin และ s85 วีธีที่สองก็คือ ใช้สารน้ำมัน ที่มีชื่อว่าไวท์ออยล์ หรือปิโตเลียมออยล์ ซึ่งสารน้ำมันนี้เมื่อฉีดพ่นไปจะเคลือบอยู่บนตัวเพลี้ย ซึ่งเพลี้ยพวกนี้หายใจทางผิวหนังก็จะหายใจไม่ออกก็จะหนีไป และวิธีที่สามคือ ใช้น้ำยาล้างจานผสมกับน้ำในอัตราส่วนน้ำยาล้างจานครึ่งช้อนต่อน้ำหนึ่งลิตร แล้วใส่ฟอ็กกี้ฉีดพ่นไปเลย พวกมดจะระคายผิวแล้วคาบพวกเพลี้ยหนีไป |
|