โรคภูมิแพ้ อาการของผู้ป่วยโรคภูมิแพ้นั้น จะแตกต่างกันออกไป แต่ส่วนใหญ่แล้วจะมีอาการคล้ายหวัด คือมีน้ำมูกใสๆ ไหล จามติดๆกันหลายครั้ง คันจมูกหรือคันตา คันคอ คันเพดานและ คันหู คัดแน่นในจมูก หรืออาการอื่นๆ เ่ช่น อาการหูอื้อ ปวดมึนศรีษะ จมูกไม่ได้กลิ่น น้ำมูกไหล ลงคอ หรือมีเสมหะติดคอ ไอ แต่ไม่เป็น ตลอดเวลา จะมีอาการ บางเวลา เช่น เวลา เข้านอน เวลามีอากาศเย็น หรือ เวลาทำงานในที่มีฝุ่นมาก หรืออาจมีอาการในบางฤดู เช่น ฤดูฝน หรือ ฤดูหนาว สิ่งที่ทำให้ท่าน มีอาการ อาจจะมาจาก สิ่งที่ท่านรัก ชอบ หรือเกี่ยวกับ อาชีพ ของท่าน เช่น ท่านที่คลุกคล ีกับสัตว์ เลี่ยงพวกสุนัข แมว นก ท่านที่ รับประทาน อาหาร ที่มีเชื้อรา ปะปน เช่น ขนมปังสุรา ของหมักดอง หรือ ท่านที่ทำงาน ในที่มีฝุ่นมาก เช่น ช่างไม้ หรืองานเอกสารมากๆ |
 |
|
Sponsored Links
|
|
สาเหตุที่ทำให้เกิดอาการแพ้ |
อาจเกิดจากความผิดปกติของระบบสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย ซึ่งเชื่อว่าเป็นกรรมพันธ์ ดังนั้นผู้ที่เกิดมาในครอบครัวที่มี โรคภูมิแพ้ อยู่ด้วย ก็มีโอกาสที่จะเป็นโรคในกลุ่มนี้มากกว่าคนอื่นๆ
เหตุโดยตรง คือ สารก่อภูมิแพ้ที่มีอยู่รอบๆตัวเรา นั่นเอง ซึ่งสามารถเข้าสู่ร่างกายได้หลายทาง เช่น ทางการหายใจ ทางปาก และการสัมผัส เนื่อจากจมูกเป็นอวัยวะที่เกี่ยวกับการหายใจ ดังนั้นสารก่อภูมิแพ้ ที่อยู่ในอากาศที่เราหายใจ ซึ่งเป็นสาเหตุ สำคัญ จากการศึกษาพบว่า สารก่อภูมิแพ้ที่มีผู้แพ้บ่อยที่สุด คือ ฝุ่นละอองในบ้าน นุ่น ขน และรังแคของสัตว์เลี้ยง ละออง เกสร ของหญ้า และวัชพืช ต่างๆ เศษชิ้นส่วนเล็กๆ และสิ่งขับถ่ายของแมลงที่อยู่ในบ้าน เช่น แมลงสาบ ยุง แมลงวัน และเชื้อราในอากาศ
เหตุเสริมอื่นๆ ที่ทำให้มีมากขึ้น ได้แก่
1. สารที่ระคายเคืองต่อเยื่อบุในจมูกโดยตรง เช่น ควันไฟ ควันบุหรี่ กลิ่นฉุน
2. การเปลี่ยนแปลงของอากาศ เช่นอากาศร้อนจัด เย็นจัด ฝนตก พัดลมเป่า เป็นต้น
3. ร่างกายอ่อนเพลีย เนื่องจากอดนอน ทำงานหนัก ขาดการออกกำลัง
4. อารมณ์ตึงเครียด วิตกกังวล ไม่สบายใจ
5. โรคติดเชื้อ เช่น ไซนัสอักเสบ ต่อมทอนซิลอักเสบ ไข้หวัด เจ็บคอ
ในกรณี ที่ท่านมีอาการแพ้ดังกล่าว วิธีที่ดีที่สุด สำหรับการปฏิบัติตัว คือ การหลีกเลี่ยงต่อสิ่งที่ทำให้แพ้ ตามปกติแล้ว การ หลีกเลี่ยงต่อสิ่งที่ท่านแพ้ทางระบบหายใจเป็นสิ่งทีทำได้ยาก มักจะทำได้ไม่สมบูรณ์เด็ดขาด แต่หากท่านปฏิบัติได้ อาการ ต่างๆ เกี่ยวกับโรคที่ท่านเป็นอยู่ก็จะดีขึ้น ซึ่งเป็นผลดีต่อท่านเองโดยอาจจะไม่ต้องมารับการรักษาเลย ในบางครั้งถ้าหลีกเลี่ยง สิ่งที่แพ้แล้วยังมีอาการเป็นครั้งคราว ท่านต้องรับประทานยาช่วย และควรใช้ยาตามที่แพทย์สั่งเท่านั้น เพราะยาบางชนิด ใช้ต่อเนื่องกันนาน อาจมีอันตรายได้ |
การรักษาโดยการฉีดวัคซีน |
สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการมากแม้จะได้พยายาม กำจัดหลีกเลี่ยงจากสิ่ง ที่แพ้อย่างดีแล้ว ก็ยังต้องใช้ยาระงับอาการช่วยอยู่ เสมอ อาจต้องรักษาโดยการฉีดวัคซีนร่วมด้วย เพื่อช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิต้านทาง ต่อสิ่งที่แพ้ แต่ต้องอยู่ในความ ควบคุมดูแลของแพทย์ แต่จะต้องทำติดกันอย่างสม่ำเสมอ ต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน จึงจะได้ผลดี ท่านอย่าเข้าใจว่าการฉีดยา จะทำให้ท่านหายขาดไม่เป็นอีกเลย เพราะว่าท่านไม่เป็นโรคภูมิแพ้ของอย่างหนึ่งอย่างใด เพียงอย่างเดียว แต่ท่านอาจจะแพ้ หลายๆอย่าง ยาที่ฉีดให้ท่านนั้น แพทย์ได้เลือกเฉพาะสิ่งที่ท่านไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ด้วยตนเอง ท่านที่เป็นโรคนี้ต้องหมั่น สังเกต อาการของท่านเอง บางอย่างที่ท่านแพ้อาจแฝงมาในรูปของอาหาร หรือ เครื่องใช้ประจำวัน ท่านคนเดียวเท่านั้นที่ จะช่วยวินิจฉัยการรักษาว่าจะไปในรูปใด |
คำแนะนำในการกำจัด และหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ที่พบบ่อย |
1. ฝุ่นในบ้านและตัวไรในฝุ่น ที่เกิดในบ้านหรือที่ทำงาน เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดโรคภูมิแพ้ ฝุ่น ที่เกิดจาก เส้นใยต่างๆ ของที่นอน หมอน มุ้ง กองหนังสือกองเสื้อผ้า พรม ผ้าม่าน อาจมีรังแคของคนและสัตว์ที่ อาศัยอยู่ในบ้าน รวมทั้งมี ขนาดเล็ก กว่า หัวเข็มหมุด มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น ของอาศัยอยู่ตามที่นอน และค่อนข้างมืดและชื้น ถ้าถูกแสงแดด จัด เป็นเวลานาน พอสมควร มันจะตายได้ ดังนั้นต้องกำจัดฝุ่นละอองและตัวไรในบ้าน โดยเฉพาะในห้องนอนควรโล่ง สะดวก แก่การทำความ สะอาด ไม่ควรใช้พรมปูพื้น ถ้าเป็นไปได้พื้นห้องที่เป็นไม้ ควรขัดด้วยน้ำมัน ทำให้ฝุ่นที่ตกลงไปเกาะติด และ ไม่ฟุ้งกระจาย หรืออาจใช้ยางปูให้ทำความสะอาดง่าย หนังสือ และเสื้อฟ้า ควรเก็บไว้ในตู้ที่ปิดมิดชิด
เครื่องนอนทุกชนิด ได้แก่ที่นอน หมอน มุ้ง ผ้าคลุมเตียง ควรนำออกตากแดดจัดๆ ทุกสัปดาห์ อย่างน้อยครั้งละ 30 นาที แสงแดดจะช่วยทำให้ตัวไรตายและลดจำนวนลงได้ ส่วนผ้าปูที่น้อน ปลอกหมอน มุ้ง ผ้าห่ม และผ้าคลุมเตียง ควรซักทำความ สะอาดอย่างน้อยเดือนละ 2 ครั้ง เมื่อทำความสะอาดห้องเรียบร้อยแล้ว ควรปิดห้องไว้เสมอ เพื่อป้องกันฝุ่นละออง จากภายนอก |
2. นุ่น ควรตรวจดูว่าหมอด และที่นอนยัดด้วยนุ่นหรือเปล่า ถ้าจำเป็นต้องใช้ควรหาผ้าพลาสติก มาหุ้มเสียให้มิดชิด แล้ว จึงสวม ปลอกหมอน ถ้าจะซื้อใหม่ชนิดที่ปลอดภัย คือ ใยสังเคราะห์ |
3. สัตว์เลี้ยง เช่น แมว สุนัข นก ไม่ควรเลี้ยงในบ้าน เพราะขนและรังแค ทำให้เพิ่มปริมาณฝุ่น และทำให้แพ้ได้ |
4. ละอองกสรดอกไม้ โดยเฉพาะหญ้า และวัชพืช ซึ่งมีละอองเกสรเล็กๆ สามารถปลิวตามลมได้ไกลๆ ถ้าในบ้าน มีสนามหญ้า ต้องตัดหญ้าบ่อยๆ เพื่อลดจำนวนเกสรของมัน แต่ผู้ที่แพ้ไม่ควรทำด้วยตัวเอง และต้องไม่นำต้นไม้ ดอกไม้ เข้ามาไว้ในบ้าน |
5. เชื้อราในอากาศ มักมีตามที่อับทึบ ชื้น หรือใบไม้ที่ร่วงทับถมกันอยู่ ต้องพยายามกำจัด ภายในบ้าน บริเวณที่ชื้น แฉะ เช่น ห้องน้ำ ห้องครัว ควรทำความสะอาดบ่อยๆ และเปิดให้แสงแดดส่องถึง มากที่สุด ห้องที่ใช้เครื่องปรับอากาศบ่อยๆ เป็นที่มี ความชื้นมาก เชื้อราเกิดขึ้นได้ง่าย ต้องทำความสะอาด ตัวเครื่องปรับอากาศบ่อยๆ ด้วย |
|
สุขภาพจิต |
เลือดออกในสมอง |
โรคเวียนศีรษะ |
โรคอัลไซเมอร์ |
โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ |
โรคสมองอักเสบ |
อาการปวดปวดประสาท |
โรคสมาธิสั้น |
เด็กออทิสติก |
โรคเครียด |
โรคกระดูกพรุน |
โรคข้อเสื่อม |
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ |
โรคปีกมดลูกอักเสบ |
หนองในเทียม |
การติดเชื้อหูด |
โรคเริม |
แผลริมอ่อน |
ฝีมะม่วง |
ช่องคลอดอักเสบจากเชื้อรา |
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ |
ไวรัสตับอักเสบบี |
ไวรัสตับอักเสบซี |
เซลลูไลท์ |
ผื่นแพ้ยา |
มะเร็งผิวหนัง |
โรคลมชัก |
ข้อมูลเกี่ยวกับโรคต่างๆ รวบรวมมาจากเอกสารแผ่นพับจากโรงพยาบาลและศูนย์สุขภาพทั่วไป เพื่อให้รู้ลักษณะของโรคและสาเหตุ และการรักษาเบี้องต้นในการดูแลสุขภาพ เมื่อทราบสาเหตุและอาการป๋วย ว่าเป็นโรคอะไร ควรรีบปรึกษาแพทย์ผู้เชื่ยวชาญตามสถานพยาบาลต่างๆ อย่าปล่อยไว้ให้เนิ่นนาน อาจจะทำการรักษายากขึ้นและใช้เวลานานในการรักษา |
|