|
|
ไวรัสตับอักเสบซี ปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบซี ผู้ที่ได้รับเชื้อไวรัสตับอักเสบซีส่วนใหญ่จะไม่มีอาการผิดปกติ กว่าจะทราบว่าติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี ตับมักเริ่มเสื่อมมากแล้ว ซึ่งพบได้โดยการตรวจเลือดเท่านั้น ผู้ที่เป็นและไม่ได้รับการรักษาจะกลายเป็นไวรัสตับอักเสบซีเรื้อรัง และในที่สุดจะเกิดภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญ ได้แก่ ตับแข็ง และมะเร็งตับ ในไวรัสตับอักเสบซีเป็นอาร์เอ็นเอไวรัสที่เป็นภัยเงียบที่คุกคามสุขภาพ ผู้ที่ติดเชื้ออาจมีอาการอ่อนเพลีย บางคนอาจมีอาการดีซ่าน ถ้าตรวจเลือดดูการทำงานของตับจะพบว่ามีการทำงานของตับผิดปกติ
การรักษาไวรัสตับอักเสบ ซี การรักษาไวรัสตับอักเสบ ซี การรักษาไวรัสตับอักเสบ? ซี อาจทำให้หายขาดได้ด้วยยา ทั้งการฉีดยาร่วมกับยารับประทาน โดยแพทย์จะพิจารณาตามข้อบ่งชี้ พยาธิสภาพที่ตับ และลักษณะของผู้ป่วย ก่อนให้การรักษาพยาบาลต่อไป หากได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นเพียงระยะเริ่มแรกหรือระยะเฉียบพลัน การรักษาอาจไม่จำเป็นต้องเริ่มในทันที เพราะร่างกายอาจกำจัดเชื้อไวรัสไปได้เอง ซึ่งจะมีการตรวจเลือดเพื่อตรวจสอบความเป็นไปของโรค แต่หากโรคดำเนินไปเป็นระยะเวลานานหลายเดือน หรือที่เรียกว่าไวรัสตับอักเสบ ซี ระยะเรื้อรัง จึงมีความจำเป็นที่จะต้องทำการรักษา การรักษาจะได้ผลแตกต่างกันออกไป โดยจะขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ และลักษณะทางพันธุกรรมของผู้ป่วย
ใครควรได้รับตรวจหาเชื้อไวรัสตับอักเสบ ซี-คนไข้ที่ฉีดยาเสพติดเข้าเส้น -บุคคลที่ได้รับเลือดหรือผลิตภัณฑ์จากเลือด ก่อนปี พ.ศ. 2533 -คนไข้ที่ฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม -คนไข้ที่เจาะเลือดพบว่ามีตับอักเสบ -เจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่ถูกเข็มตำ -เด็กที่เกิดจากแม่ที่มีเชื้อไวรัสตับอักเสบ ซ๊ - สามีหรือภรรยาของผู้ติดเชื้อตับอักเสบซี - และผู้ที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ติดเชื้อตับอักเสบซี ผู้ติดเชื้อตับอักเสบซีควรได้รับการแนะนำการรักษาแพร่เชื้อ เช่น -หลีกเลี่ยงการใช้มีดโกน แปรงสีฟันร่วมกัน ซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดแผล และสัมผัสเลือด - การมีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัย โดยการใช้ถุงยางอนามัย แต่สำหรับคู่สามีภรรยา ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนพฤติกรรมทางเพศ (sexual practice) - ส่วนการมีบุตรพบว่าความเสี่ยงต่อการติดเชื้อจากแม่สู่ลูก เท่ากับ 4-7% โดยถ้าการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีในมารดามีปริมาณเชื้อไวรัสสูง หรือมีการติดเชื้อร่วมกับเชื้อเอดส์ พบว่าอัตราการติดเชื้อจากแม่สู่ลูกจะสูงขึ้น -สำหรับวิธีการคลอดปัจจุบันยังไม่มีการกำหนดวิธีการคลอดที่จำเพาะ และการให้นมบุตรไม่เป็นข้อห้ามในการให้ โดยทั่วไปไม่พบความเสี่ยงต่อการติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นชัดเจน ถ้าไม่มีการบาดเจ็บบริเวณหัวนม และมารดาอยู่ในระยะสงบ ของการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี - ผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี ควรได้รับวัคซีนรักษาการติดเชื้อ ตับอักเสบ ชนิดเอ และตับอักเสบชนิดบีด้วย เนื่องจากมีความเสี่ยงในการเกิด severe liver disease ถ้ามีการติดเชื้อดังกล่าวร่วมด้วย
คนไข้ที่มีไวรัสตับอักเสบ ซี จะรักษาการอักเสบของตับอย่างไร -งดสุรา -พบหมอตามนัด -ก่อนใช้ยา หรือสมุนไพรควรปรึกษาหมอ -ฉีดวัคซีนรักษาไวรัสตับอักเสบ เอ บี |
|
|
สุขภาพจิต |
เลือดออกในสมอง |
โรคเวียนศีรษะ |
โรคอัลไซเมอร์ |
โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ |
โรคสมองอักเสบ |
อาการปวดปวดประสาท |
โรคสมาธิสั้น |
เด็กออทิสติก |
โรคเครียด |
โรคกระดูกพรุน |
โรคข้อเสื่อม |
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ |
โรคปีกมดลูกอักเสบ |
หนองในเทียม |
การติดเชื้อหูด |
โรคเริม |
แผลริมอ่อน |
ฝีมะม่วง |
ช่องคลอดอักเสบจากเชื้อรา |
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ |
ไวรัสตับอักเสบบี |
ไวรัสตับอักเสบซี |
เซลลูไลท์ |
ผื่นแพ้ยา |
มะเร็งผิวหนัง |
โรคลมชัก |
ข้อมูลเกี่ยวกับโรคต่างๆ รวบรวมมาจากเอกสารแผ่นพับจากโรงพยาบาลและศูนย์สุขภาพทั่วไป เพื่อให้รู้ลักษณะของโรคและสาเหตุ และการรักษาเบี้องต้นในการดูแลสุขภาพ เมื่อทราบสาเหตุและอาการป๋วย ว่าเป็นโรคอะไร ควรรีบปรึกษาแพทย์ผู้เชื่ยวชาญตามสถานพยาบาลต่างๆ อย่าปล่อยไว้ให้เนิ่นนาน อาจจะทำการรักษายากขึ้นและใช้เวลานานในการรักษา |
|
|
|
|
|
|