โรคกระดูกพรุน เป็นโรคหรือภาวะที่ร่างกาย มีอาการทำลายกระดูก มากกว่า การสร้าง หรือมีอาการสร้างกระดูกลดน้อยลง ในขณะที่มีการทำลายกระดูกคงที่ เป็นผลให้ ความหนาแน่น ของกระดูกลดลง |
 |
ผู้ใดบ้างที่มีโอกาสเป็นโรคกระดูกพรุน |
โรคนี้มักจะพบในผู้สูงอายุ โดยจะพบ ในผู้ป่วยที่มี อายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป แต่ในเพศหญิง โรคนี้ อาจ ตรวจพบ ได้ตั้งแต่อายุ 45 ปี หรือภายหลัง หมดประจำเดือน ไป 5-10 ปี เนื่องจากการขาดฮอร์โมน เพศหญิง ซึ่งทำหน้าที่ช่วยพยุงความหนาแน่น ของกระดูกไว้ |
|
Sponsored Links
|
|
นอกจากนี้ยังมีภาวะอื่นที่สามารถทำให้เกิดโรคกระดูกพรุนได้ง่าย ได้แก่
1. ผู้หญิงที่ถูกตัดรังไข่ทั้งสองข้างก่อนวัยหมดประจำเดือน หรือประจำเดือนหมดเร็วกว่าที่ควร
2. การได้รับยาบางชนิด เช่น ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ ยากันชัก เป็นต้น
3. โรคที่มีผลต่อการดูดซืมของแคลเซี่ยม ได้แก่ โรคตับ โรคไต เป็นต้น
4. คนผิวขาว และคนที่ไม่ค่อยออกกำลังกาย
5. การสูบบุหรี่ หรือการดื่มสุราเป็นเวลานาน |
|
ผู้ป่วยโรคกระดูกพรุน จะมีอาการอย่างไรบ้าง ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะไม่มีอาการ และไม่ทราบว่า ตนเอง เป็นโรค กระดูกพรุน นอกจาก การตรวจพบโดยบังเอิญทางภาพรังสี แต่ผู้ป่วยส่วนใหญ่ จะมาด้วยอาการปวดกระดูก หรือ กระดูกหัก เมื่อมีอุบัติเหตุ ที่รุนแรงไม่มากที่จะทำให้กระดูกในคนปกติหักได้ กระดูกที่พบว่าหักบ่อย คือ กระดูกแขน และกระดูก บริเวณสะโพก บางคนอาจมีอาการปวดหลังเรื้อรัง อันเป็นผลมาจากการยุบตัวของกระดูกสันหลัง และมีหลังค่อม ตัวเตี้ยลง |
|
แพทย์จะวินิจฉัยโรคนี้ได้อย่างไร การวินิจฉัยโรคนี้ระยะแรกจำเป็ตต้องอาศัยเครื่องมือ ในการวัด ความหนาแน่น ของกระดูก ซึ่งมีราคาแพง และมีเพียงไม่กี่แห่งในประเทศ การวินิจฉัยด้วยภาพรังสีธรรมดา สามารถทำได้ แต่จะเป็นการเปลี่ยนแปลง ก็ต่อเมื่อมีการสูญเสียกระดูกไปมากแล้ว |
|
การรักษาโรคกระดูกพรุน ในปัจจุบัน ยังไม่มีการรักษาใดที่ดีกว่าการป้องกันไม่ให้เกิดภาวะ กระดูกพรุน การป้องกัน สามารถทำได้โดย
1. หมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะการเดินและการวิ่ง
2. รับประทานอาหารที่มีแคลเซี่ยมให้เพียงพอ
3. งดการดื่มสุรา และการสูบบุหรี่
4. หลีกเลี่ยงยาบางประเภท เช่น ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์
ในรายที่มีภาวะกระดูกพรุน เกิดขึ้นแล้ง แพทย์จะเป็นผู้พิจารณาให้การรักษาทางยา ยาที่มีผลในการช่วยเพิ่มความหนาแน่น ของกระดูก ได้แก่ ยาฮอร์โมนเอสโตรเจน ไวตามินดี ยา ฮอร์โมนแคสซิโตนิน และแคลเซี่ยม เป็นต้น |
อาหารกับโรคกระดูกพรุน อาหารที่มีแคลเซียม
1. การกินอาหารที่มีสารอาหารซึ่งประกอบด้วยธาตุแคลเซียม แมกนีเซียมและวิตามีน จะช่วยเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง แต่ควรป้องกัน เสียตั้งแต่ก่อนเข้าสู่วัยสูงอายุ แคลเซียม ได้แก่ นมและผลิตภัณฑ์จากนม ปลาเล็กปลาน้อย ซึ่งสามารถ เคี้ยวได้ทั้งกระดูก
2. การกินอาหารที่มีวิตามินดีให้เพียงพอ ได้แก่ นม น้ำมันตับปลา ตับและไข่แดง
3. กินอาหารที่มีแมกนีเซียม เพื่อช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจและโรคกระดูกพรุน อาหารที่มี แมกนีเซียม ได้แก่ ถั่วทีเป็นฝัก ผลไม้เปลือกแข็ง ธัญพืชที่ไม่ได้ขัดสี ผักใบเขียว ปลา เนื้อสัตว์ นมและกล้วย แหล่งแคลเซียม ในอาหาร ได้แก่ นมและผลิตภัณฑ์จากนม ปลาเล็กปลาน้อย ผักใบเขียว และถั่วต่าง ๆ แหล่งวิตามินในอาหาร ได้แก่ ไข่แดง ตับ เนย ปลาทะเล ที่มีไขมันสูง เช่น ปลาทูน่า และปลาซาดีน แหล่งแมกนีเซียมในอาหาร ได้แก่ ถั่วที่เป็นฝัก ผลไม้เปลือกแข็ง ธัญพืช ที่ไม่ได้ขัดสี ผักใบเขียว ปลา เนื้อสัตว์ นม กล้วย |
สุขภาพจิต |
เลือดออกในสมอง |
โรคเวียนศีรษะ |
โรคอัลไซเมอร์ |
โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ |
โรคสมองอักเสบ |
อาการปวดปวดประสาท |
โรคสมาธิสั้น |
เด็กออทิสติก |
โรคเครียด |
โรคกระดูกพรุน |
โรคข้อเสื่อม |
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ |
โรคปีกมดลูกอักเสบ |
หนองในเทียม |
การติดเชื้อหูด |
โรคเริม |
แผลริมอ่อน |
ฝีมะม่วง |
ช่องคลอดอักเสบจากเชื้อรา |
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ |
ไวรัสตับอักเสบบี |
ไวรัสตับอักเสบซี |
เซลลูไลท์ |
ผื่นแพ้ยา |
มะเร็งผิวหนัง |
โรคลมชัก |
ข้อมูลเกี่ยวกับโรคต่างๆ รวบรวมมาจากเอกสารแผ่นพับจากโรงพยาบาลและศูนย์สุขภาพทั่วไป เพื่อให้รู้ลักษณะของโรคและสาเหตุ และการรักษาเบี้องต้นในการดูแลสุขภาพ เมื่อทราบสาเหตุและอาการป๋วย ว่าเป็นโรคอะไร ควรรีบปรึกษาแพทย์ผู้เชื่ยวชาญตามสถานพยาบาลต่างๆ อย่าปล่อยไว้ให้เนิ่นนาน อาจจะทำการรักษายากขึ้นและใช้เวลานานในการรักษา |
|
|
|