โรคข้อเสื่อม เป็นโรคในกลุ่มข้ออักเสบ ชนิดหนึ่งที่พบได้บ่อย ที่สุด และพบว่าในคนอายุมากกว่า 60 ปี จะมีข้อเสื่อมบ้าง ไม่มากก็น้อย โรคข้อเสื่อม เป็นโรคที่ยังไม่ทราบสาเหตุ แน่ชัด แต่ พยาธิสภาพ พบว่า มีการ สึกกร่อน ของ กระดูกอ่อน ของข้อ กระดูกอ่อน เป็นกระดูก บริเวณ ส่วนปลายกระดูก 2 ท่อน ที่มาเชื่อมต่อกัน เป็นข้อ กระดูกอ่อนปกติ จะเรียบและมีความยืดหยุ่น ทำหน้าที่ ลดแรงที่กระทำ ต่อข้อและทำให้ข้อเคลื่อนไหว ด้วยความราบรื่น เมื่อกระดูกอ่อนสึก เวลามีการ เคลื่อนไหว ข้อ หรือ กระดูกแท้เสียดสีกัน ก่อให้เกิด ความเจ็บปวด เมื่อเป็นไปนานๆ กระดูก จะพยายามสร้างกระดูกใหม่ เพื่อเพิ่ม ความแข็งแกร่ง ของข้อกระดูก เกิดเป็นเป็นภาพ กระดูกงอก ในภาพรังสี |
 |
|
Sponsored Links
|
|
สาเหตุของโรคข้อเสื่อมคืออะไร ? |
เป็นเวลานานมากแล้ว ที่มีความเชื่อว่าโรคข้อเสื่อมเป็นผลมาจาก การเสื่อมของเนื้อเยื่อ และอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย ซึ่งเป็น เปลี่ยนแปลงตามอายุ แต่ผลการศึกษาต่อมาพบว่า อาจเป็นผลมาจากสาเหตุทางพันธุกรรมสาเหตุอื่นๆ ที่อาจมีส่วนร่วมในการ เกิดโรคข้อเสื่อม ได้แก่ การใช้ข้อทำงานมากเกินไป หรือเป็นภายหลังการเกิดข้ออังเสบชนิดอื่นๆ ภาวะอ้วน แม้จะไม่ได้เป็น สาเหตุของโรคข้อเสื่อมโดยตรง แต่ก็เป็นส่วนช่วยส่งเสริมให้เป็นมากขึ้น |
ผู้ใดมีโอกาสเป็นโรคข้อเสื่อม ? |
โรคข้อเสื่อมพบได้มากขึ้นในผู้สูงอายุ ซึ่งอาจเป็นผลจากการใช้ข้อทำงานมากเกินไปตามกาลเวลา ในรายที่เคยมี อุบัติเหตุ ต่อข้อ พบว่ามีโอกาส เกิดข้อมเสื่อมตามมาได้มากขึ้น |
เมื่อข้อเสื่อมจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ? |
ผู้ป่วยส่วนใหญ่ ที่เป็นโรคข้อเสื่อม มักจะไม่มีอาการก่อนอายุ 40 ปี นอกจากรายที่มีอุบัติเหตุต่อข้อ นำมาก่อนในระยะแรก ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะไม่มีอาการแม้จะมีการเปลี่ยนแปลงทางภาพรังสี ผู้ป่วยอาจมีอาการปวดข้อบ้าง โดยเฉพาะเวลาใช้ข้อทำงาน และมีอาการดีขึ้นเมื่อได้รับการพักผ่อน บางรายอาจมีอาการฝืดขัดข้อบ้าง แต่จะเป็นไม่นาน เมื่อปวดข้อมากขึ้น ผู้ป่วย จะไม่ค่อยพยายามออกกำลังกาย หรือใข้ข้อมากกล้ามเนื้อจะมีอาการอ่อนแรงตามมา ข้อจะเริ่มมีการสร้้างกระดูกทดแทน ข้อเสื่อมทำให้ข้อบวมโตได้ แม้โรคข้อเสื่อมจะเป็นได้กับทุกข้อ แต่ส่วนใหญ่แล้วโรคข้อเสื่อม จะเป็นกับข้อเพียงไม่กี่ข้อ ข้อที่พบได้บ่อยๆ ได้แก่ ข้อเข่า ข้อสะโพก ข้อปลายนิ้วมือ ข้อหัวแม่เท้า ข้อฐานหัวแม่มือ กระดูกสันหลังส่วนคอ และส่วนเอว |
การวินิจฉัย |
การวินิจฉัยโรคข้อเสื่อม จะอาศัยประวัติ และการตรวจร่างกายเป็นสำคัญ การตรวจพบข้อบวมโตและแข็ง จะสนับสนุน การวินิจฉัย การตรวจทางภาพถ่ายรังสี จะมีประโยชนอย่างยิ่งต่อ การวินิจฉัย และบ่งบอกถึง ความรุนแรงของโรคในบางครั้ง แพทย์อาจจำเป็นต้องตรวยพิเศษอย่างอื่น เพื่อวินิจฉัยแยกโรคที่มีอาการคล้ายโรคข้อเสื่อมต่อไป |
การรักษา |
ในปัจจุบ้น ยังไม่มีการรักษาใดๆ ที่สามารถทำให้โรคข้อเสื่อมกลับคืนมาเป็นปกติได้ แต่การรักษาอย่างถูกต้องจะช่วยป้องกัน หรือชลอการลุกลามของโรค ลดอาการเจ็บปวด และทำให้ผู้ป่วยช่วยเหลือตนเองได้ มากที่สุด
การป้องกันข้อ ผู้ป่วยควรรู้จักการปฏิบัติตัวที่จะไม่ทำให้ข้อเสื่อมเร็วขึ้น เช่น การวิ่ง นังพับเพียบในรายที่มีข้อเข่าเสื่อม หลีกเลี่ยงการยกของหนัก ในรายที่อ้วยมาก ก็ช่วยลดแรงน้ำหนักตัวที่กระทำต่อข้อได้เช่นกัน นอกจากนี้การใช้อุปกรณ์ทาง การแพทย์ เช่น ไม้เท้า จะช่วยลดการถ่ายแรงที่กระทำต่อข้อของขาได้
การบริหารร่างกาย การบริหารร่างกายเป็นส่วนสำคัญที่สุดในการควบคุมโรคข้อเสื่อม จุดประสงค์ของการบริหารร่างกายก็เพื่อ ทำให้ข้อมีการเคลื่อนไหวสม่ำเสมอ เพิ่มความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อ เป็นการช่วยลดความเจ็บปวดและป้องกันข้อต่อ ถูกทำลาย
การรักษาทางกายภาพบำบัด ด้วยความร้อนและความเย็น ความร้อนความเย็นได้ถูกนำมาใช้ในการรักษาโรคข้ออักเสบ และ ข้อเสื่อมมาเป็นเวลานานแล้ว ความร้อนจะช่วยคลายความเกร็งของกล้ามเนื้อและลดความเจ็บปวดได้ ควรปรึกษาแพทย์ก่อน เพื่อแนะนำวิธีที่ดีที่สุดสำหรับท่าน
การใช้ยา มียาลดความเจ็บปวดและยารักษาข้ออักเสบมากมาย ที่แพทย์ได้นำมาใช้ในการรักษาข้อเสื่อม ผู้ป่วยแต่ละราย จะตอบสนองต่อยาแต่ละชนิด ไม่เท่ากัน ผู้ป่วยควรปรึกษาแพทย์ก่อนการใช้ยาเหล่านี้ พึงระลึกไว้เสมอว่า ยาเหล่านี้ ไม่สามารถ เปลี่ยนแปลงโรคข้อเสื่อม ให้หายเป็นปกติได้ แต่จะช่วยลดความเจ็บปวด หรืออาการอักเสบของข้อง ส่งเสริมให้ ผู้ป่วยได้ออกกายบริหารเพื่อเพิ่ม ความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อได้มากขึ้น |
การผ่าตัด |
การผ่าตัดเป็นวิธีสุดท้าย ที่จะนำมาใช้ในการรักษาโรคข้อเสื่อม ในรายที่ได้รับการรักษาดังกล่าว ข้างต้น แล้วไม่ได้ผล การผ่าตัด จะช่วยป้องกัน หรือ แก้ไขความผิดปกติจากโรคข้อเสื่อม ลดความเจ็บปวด และทำให้ผู้ป่วยเคลื่อนไหวข้อได้ดีขึ้น การผ่าตัดเปลี่ยนข้อ จะช่วยเหลือผู้เป็นโรคข้อเสื่อมในระยะท้ายได้
การผ่าตัดจะได้ผลดีขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ โดยขึ้นอยู่กับชนิดของการผ่าตัด การรักษาทางยา ร่วมกับกายภาพบำบัด ก่อนและภายหลังการผ่าตัด และที่สำคัญที่สุด คือ ตัวผู้ป่วยเองในการให้ความร่วมมือในการรักษาดังกล่าวข้างต้น |
การรักษานอกเหนือจากการใช้ยา
ในผู้ป่วยที่เป็นโรคข้ออักเสบเรื้อรัง ควรได้มีการปฏิบัติตนให้ถูกต้องทุกวัน นอกเหนือจากการรับประทานยา
การออกกำลังกาย : การออกกำลังกายที่ถูกต้อง และสม่ำเสมอเป็นประจำ เป็นสิ่งสำคัญนอกเหนือจากการรับประทานยา เพราะการออกกำลังกายช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ทำให้ข้อมีความยืดหยุ่น และปกป้องกระดูกข้อ
พักผ่อน : การพักผ่อนที่เหมาะสมช่วยลดอาการปวดได้ ต้องระวังไม่ให้พักผ่อนมากเกินไป เนื่องจาก จะทำให้กล้ามเนื้อ อ่อนเปลี้ยได้ จากการนอนนาน ๆ
ความร้อน และความเย็น : การใช้ความร้อน หรือเย็นช่วยลดความเจ็บปวดลงได้ชั่วคราว การให้ความร้อน สามารถใช้ได้ ในรูปน้ำอุ่น, กระเป๋าน้ำร้อน, กระเป๋าไฟฟ้าเป็นต้น ความเย็นสามารถให้ได้ในรูปน้ำแข็ง เจลเย็น (cold pack) เป็นต้น
อาหาร : อาหารที่ถูกโภชนาการ และการควบคุมน้ำหนักที่เหมาะสมกับส่วนสูง ช่วยลดการปวดของข้อบางชนิดได้ |
สุขภาพจิต |
เลือดออกในสมอง |
โรคเวียนศีรษะ |
โรคอัลไซเมอร์ |
โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ |
โรคสมองอักเสบ |
อาการปวดปวดประสาท |
โรคสมาธิสั้น |
เด็กออทิสติก |
โรคเครียด |
โรคกระดูกพรุน |
โรคข้อเสื่อม |
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ |
โรคปีกมดลูกอักเสบ |
หนองในเทียม |
การติดเชื้อหูด |
โรคเริม |
แผลริมอ่อน |
ฝีมะม่วง |
ช่องคลอดอักเสบจากเชื้อรา |
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ |
ไวรัสตับอักเสบบี |
ไวรัสตับอักเสบซี |
เซลลูไลท์ |
ผื่นแพ้ยา |
มะเร็งผิวหนัง |
โรคลมชัก |
ข้อมูลเกี่ยวกับโรคต่างๆ รวบรวมมาจากเอกสารแผ่นพับจากโรงพยาบาลและศูนย์สุขภาพทั่วไป เพื่อให้รู้ลักษณะของโรคและสาเหตุ และการรักษาเบี้องต้นในการดูแลสุขภาพ เมื่อทราบสาเหตุและอาการป๋วย ว่าเป็นโรคอะไร ควรรีบปรึกษาแพทย์ผู้เชื่ยวชาญตามสถานพยาบาลต่างๆ อย่าปล่อยไว้ให้เนิ่นนาน อาจจะทำการรักษายากขึ้นและใช้เวลานานในการรักษา |
|