|
|
 โรคปีกมดลูกอักเสบ โรคปีกมดลูกอักเสบหรืออุ้งเชิงกรารนอักเสบ เป็นการติดเชื้อของมดลูก หรือรังไข่ หรือท่อรังไข่ เป็นการติดเชื้อที่รุนแรงหากรักษาอาจจะทำให้เสียชีวิต การติดเชื้อของโรคปีกมดลูกอักเสบ อาจจะทำลายท่อรังไข่ รังไข่หรืออวัยวะใกล้เคียง หากไม่รักษาอาจจะทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนเป็นหมัน หรือเสียชีวิต เชื้อที่เป็นสาเหตุคือ gonorrhea,chlamydia แต่ก็อาจจะเกิดเชื้อที่อยู่ในช่องคลอดของคนปกติ สาเหตุเป็นทั้งการติดต่อทางเพศสัมพันธ์หรือเกิดตามธรรมชาติก็ได้ ผู้มีปัจจัยเสี่ยงเกิดการอักเสบของปีกมดลูกได้แก่ สตรีที่มีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ใช่ถุงยางอนามัยชายหรือถุงยาอนามัยสตรีป้องกัน มีคู่นอนที่มีการอักเสบติดเชื้อหรือมีแผลบริเวณอวัยวะเพศ ผู้มีภูมิคุ้มกันต้านทานโรคบกพร่องเช่น ติดเชื้อเอชไอวี สวนล้างช่องคลอดเองไม่ใช่ตามการแนะนำของแพทย์ การรักษาการอักเสบของปีกมดลูกปีกมดลูกอักเสบจะเหมือนกับการรักษาภาวะอักเสบในอุ้งเชิงกราน/การติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน ในกรณีที่อาการไม่รุนแรง แพทย์จะรักษาแบบผู้ป่วยนอกเช่น ให้ยาปฎิชีวะนะ Ceftria xone 250 มก.(มิลลิกรัม) ฉีดเข้ากล้ามเนื้อครั้งเดียว ร่วมกับให้รับประทานยา Doxycycline 100 มก. เช้าและเย็นนาน 2 สัปดาห์ ในกรณีที่อาการรุนแรงเช่น มีไข้ มีก้อนหนองที่ปีกมดลูก มีอาการคลื่นไส้อาเจียนมาก มีภูมิคุ้มกันต้านทานโรคบกพร่อง แพทย์จะรับตัวไว้รักษาในโรงพยาบาล และให้ยาปฏิชีวนะทางหลอดเลือดดำ เหมือนการรักษาผู้ป่วยในที่มีภาวะอักเสบในอุ้งเชิงกรานแบบเฉียบพลัน การรักษาร่วมอย่างอื่น เป็นการรักษาประคับประคองตามอาการเช่น ให้ยาแก้ปวด ยาลดไข้ ให้ประคบหน้าท้องด้วยน้ำอุ่นช่วยบรรเทาอาการปวดท้องและให้พักผ่อน เป็นต้น |
|
|
สุขภาพจิต |
เลือดออกในสมอง |
โรคเวียนศีรษะ |
โรคอัลไซเมอร์ |
โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ |
โรคสมองอักเสบ |
อาการปวดปวดประสาท |
โรคสมาธิสั้น |
เด็กออทิสติก |
โรคเครียด |
โรคกระดูกพรุน |
โรคข้อเสื่อม |
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ |
โรคปีกมดลูกอักเสบ |
หนองในเทียม |
การติดเชื้อหูด |
โรคเริม |
แผลริมอ่อน |
ฝีมะม่วง |
ช่องคลอดอักเสบจากเชื้อรา |
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ |
ไวรัสตับอักเสบบี |
ไวรัสตับอักเสบซี |
เซลลูไลท์ |
ผื่นแพ้ยา |
มะเร็งผิวหนัง |
โรคลมชัก |
ข้อมูลเกี่ยวกับโรคต่างๆ รวบรวมมาจากเอกสารแผ่นพับจากโรงพยาบาลและศูนย์สุขภาพทั่วไป เพื่อให้รู้ลักษณะของโรคและสาเหตุ และการรักษาเบี้องต้นในการดูแลสุขภาพ เมื่อทราบสาเหตุและอาการป๋วย ว่าเป็นโรคอะไร ควรรีบปรึกษาแพทย์ผู้เชื่ยวชาญตามสถานพยาบาลต่างๆ อย่าปล่อยไว้ให้เนิ่นนาน อาจจะทำการรักษายากขึ้นและใช้เวลานานในการรักษา |
|
|
|
|
|
|